3 มิ.ย. 2554

ตอนที่ 101

เหนื่อยเหมือนกันนะอ่านคอมเมนต์เนี่ย แต่อ่านแล้วมีความสุขจังครับ เมื่อวานนี้เล่าเรื่องตอนที่หนึ่งร้อยไปแล้วก็มานั่งยิ้ม ภูมิใจกับตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย ทำได้ไงวะกู เคยอ่านที่ไหนไม่รู้ที่เขาบอกกันว่า ถ้าเราได้ทำอะไรที่มีความสุข ชีวิตจะยืน สงสัยผมคงไม่ตายง่ายๆซะแล้วสิ
*****************************************
ควยเล็กเอาไว้ใช้ ควยใหญ่เอาไว้โชว์ 101 เริ่มต้นกับก้าวใหม่ในชีวิต
"เอ้า เจ้าบ่าวเจ้าสาวพร้อมแล้วก็รีบๆหน่อย เมื่อวานหมั้นแล้ววันนี้ก็แต่งกันซะ ตอนเย็นจะได้ส่งตัวเข้าหอ กูกับไอ้โทนรอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะแย่แล้ว" เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กูว่าแล้วไงทำไมมันแปลกๆ ทั้งชุดทั้งเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ผมหันไปมองไอ้ต้า "เฮ้ยยย ไม่ถึงขนาดนั้น กูไม่ได้จัดงานแต่งหรอกนะ" ไอ้ต้ารีบตอบคงกลัวผมเข้าใจผิด ผมหันไปทางไอ้ทักกับไอ้โทนอีกที "แล้วมึงสองคนมาทำไมวะเนี่ย" แม่งก้างยิ่งกว่าก้างอีก ผัวเมียเค้าจะล่อกัน ยังเหลืออีกตั้งหกที แล้วกูจะมีเวลาไหมเนี่ย
"ก็มาแสดงความยินดีไงล่ะพี่ต้น" น้องโทนตอบน่ารัก ยินดีอะไรวะ เดี๋ยวกูก็ชำระบัญชีแค้นไอ้ต้าผ่านทางมึงหรอก "เฮ้ยอย่าพูดแบบนี้ดิ กูเขิน" ผมรีบตอบ ไอ้ต้าก้มดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ "เฮ้ย ไปกันเหอะ เดี๋ยวไม่ทัน" อ้าว ไม่ทันอีกรอบแล้ว ไม่ทันอะไรวะ
ผม ไอ้ต้า ไอ้ทักและโทน ออกจากบ้านพักพร้อมกัน ไอ้ต้ามันไปหยิบรองเท้าผมที่ริมหาดมาวางไว้ให้แล้ว พอขึ้นบนรถได้ไอ้ต้าก็รีบออกรถอย่างเร็ว ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันจะไปที่ไหน ไม่ใช่สิ เอาแค่ว่ากูอยู่ที่ไหน กูยังไม่รู้เลย ก็ไอ้ต้าแม่งขับพากูมาตั้งแต่เมื่อคืน แถมกูหลับบนรถอีกตะหาก "เฮ้ยไอ้ต้า บอกกูหน่อยสิ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันวะ" ผมถามไอ้ต้า น้องโทนกับไอ้ทักที่นั่งเบาะหลังหัวเราะคิก
"อ่อ เพชรบุรี" ไอ้ต้าตอบเบาๆ ผมอึ้ง เฮ้ย เพชรบุรี บ้านผู้หญิงคนนั้นก็อยู่เพชรบุรี มึงทำอะไรวะเนี่ยไอ้ต้า "มึงจะพากูไปไหน" ผมร้องเสียงดัง ใจเต้นตุ้มต่อมด้วยความกังวล "กูไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใคร แต่กูอยากให้มึงไปเจอ" ไอ้ต้าตอบเบาๆ มันทำหน้าขรึมๆ ผมเริ่มกังวลใจ กลัวมันพาผมไปหาใครคนนั้น ตอนนั้นยอมรับตรงๆ เลยว่ากลัว สาเหตุที่กลัวนั้นข้อหนึ่งเลยคือผมไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนว่าจะมาพบกับคนที่อาจจะเป็นญาติผมแบบนี้ ข้อที่สอง ผมกลัวว่าหากคนที่ไอ้ต้าพาไปหานั้น เป็นคนที่ใกล้ตัวผมมากๆ ถึงแม้ผมอาจจะไม่รู้จักเขา แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของกูกับไอ้ต้าได้
ชื่อของผู้หญิงคนนั้นวนเวียนเข้ามาในหัว ผมพยายามรื้อค้นลิ้นชักแห่งความจำว่า ผมเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนหรือไม่ ชื่อนั้นคุ้นเคยมาก แต่ผมจำไม่ได้จริงๆว่าเป็นใคร ตั้งแต่เด็กผมรู้มาตลอดว่าแม่ผมตายไปแล้ว แม่ที่ผมจำได้เค้าโครงหน้าลางๆ แต่หากวันนี้แม่ผมยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไป
"แม่กูตายไปแล้วนะ" ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ในรถที่เงียบสนิท ทุกสายตาหันมองผมเป็นตาเดียว ไอ้ต้ายื่นมือมาจับไหล่ผมไว้ข้างนึง น้ำตาผมไหลมาอีกแล้ว ผมไม่เคยคิดถึงพ่อกับแม่มานานมากแล้วเพราะเคยบอกกับตัวเองเสมอว่าพ่อกับแม่ผมไปสบายแล้ว ผมไม่ใครต้องห่วงต้องกังวลใจ แต่วันนี้ ใครคนนึงอาจกำลังกลับมา คำถามมากมายเริ่มผุดขึ้นมาในหัว ถ้าแม่ผมยังมีชีวิตอยู่จริง แล้วทำไมแม่ไม่เคยมาหามาเยี่ยมผมบ้างเลย ผมไม่โทษแม่หรอกที่เอาผมไปทิ้งไว้บ้านไอ้ต้า เพราะนั่นมันคือต้นเหตุที่ทำให้ผมกับไอ้ต้าได้รู้จักกัน แต่ชีวิตผมได้มีโอกาสพูดคำว่าแม่น้อยเหลือเกิน ถ้าผมเลือกได้ ผมขอมีแม่เหมือนคนอื่นเขาในชีวิตผมบ้างแค่นั้นก็พอ
ผมหันมองนอกหน้าต่าง น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ ผมบอกตัวเองไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง วันนี้เป็นวันเกิดผม คนที่ผมควรจะได้มีโอกาสกราบท่านก็คือแม่ของผมเอง แต่แม่ที่ไม่เจอมานานสิบห้าปีนี้ผมไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง แม่จะรักผมหรือเปล่า เป็นคำถามที่ผมกังวลใจมากที่สุด
ไอ้ต้าขับรถไปจอดในลานกว้างแห่งหนึ่ง ผมนิ่งอึ้งเตรียมตัวเตรียมใจไม่ถูกว่าจะต้องมาพบเจอกับอะไรบ้าง ไอ้ต้ามาเปิดประตูรถให้ หน้าของมันก็นิ่งอึ้งเมื่อเห็นว่าผมร้องไห้ ไอ้ต้าเช็ดน้ำตาให้ผม ผมมองไปรอบๆ ลานกว้างนั้นเป็นลานซีเมนต์ ข้างนึงขนาบกับกำแพงสูงสีขาว ผมหันกลับมามองไอ้ต้า ผมเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้ว ผมเคยมาที่นี่ครั้งเดียวในชีวิต ไอ้ต้าก็เคยมา แต่ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว ผมเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
ไอ้ทักกับน้องโทนส่งของบางอย่างให้ผม ผมรับมามอง ความเศร้าที่เกิดขึ้นตอนนั่งในรถ มันเทียบอะไรไม่ได้เลยเมื่อเกิดกับผมเมื่อสิบห้าปีก่อน ตอนนั้นผมจำได้ลางเลือนว่าผมร้องไห้กับพ่อคนปัจจุบัน เพราะผมหาพ่อกับแม่ของตัวเองไม่เจอ คนมากมายล้วนใส่ชุดสีดำ บางคนร้องไห้ บางคนนั่งเศร้า ผมเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวตัวเอง ผมหลับตานึกภาพในวัยเด็กเพื่อเรียกความทรงจำกลับมามากที่สุด วันนั้นผมได้ยินเสียงคนหลายคนพูด "แล้วเจ้าต้นมันจะอยู่ยังไง พ่อแม่ก็ตายหมด ญาติพี่น้องก็ไม่มี" เสียงจากอดีตสะท้อนเข้าโสตประสาท "จะให้มันไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าก็น่าเสียดาย เด็กมันน่ารักนะ" เสียงผู้ใหญ่อีกคนพูด "ผมจะเอาต้นไปเลี้ยงเอง ยังไงพ่อแม่เค้าก็เป็นเพื่อนสนิทผม" เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน คือเสียงพ่อคนปัจจุบันของผมนั่นเอง
ผมลืมตาก้มมองดอกไม้ธูปเทียนในมือ ไอ้ต้าเดินโอบบ่าพาผมเดินเข้าไปในหมู่เจดีย์ขนาดเล็กสภาพเก่าโทรม ผมไม่เคยมาที่นี่อีกเลยตั้งแต่วันที่จากที่นี่ไป ผมเข้าใจเหตุผลที่พ่อบุญธรรมของผมทำอย่างนี้ คงเป็นเพราะต้องการให้ผมลืมเรื่องนี้ ผมจะได้ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าตัวเองเป็นลูกกำพร้า แต่พ่อคงไม่รู้หรอกว่า เพราะผมเป็นลูกกำพร้า เลยทำให้ผมเข้มแข็ง และพ่อคงไม่รู้หรอกว่า ความรักที่พ่อมอบให้เหมือนลูกคนนึง นั้นสร้างภูมิต้านทานทางจิตใจให้ผมมากมายแค่ไหน ยิ่งผมได้รับความรักเหมือนน้องชายแท้ๆ ของพี่โตกับพี่ต้าแล้ว ล้วนสร้างผมให้เป็นแบบนี้ถึงทุกวันนี้
ไอ้ต้าพาไปหยุดยืนตรงหน้าเจดีย์บรรจุอัฐิเล็กๆ องค์หนึ่ง ด้านหน้ามีรูปของคนสองคน ทั้งคู่อายุไม่มากนัก ไม่น่าจะถึงสามสิบด้วยซ้ำ ใบหน้าของทั้งสองคนยิ้มแย้มเหมือนไม่รู้ว่าความตายจะมาเยือนก่อนวัยอันควร ใบหน้าทั้งสองเป็นเหมือนแม่พิมพ์ที่หล่อหลอม ผมมีรูปหน้ากับปากเหมือนแม่ ตากับจมูกเหมือนพ่อ ผมทรุดนั่งลงตรงด้านหน้าเจดีย์ น้ำตาไหลอีกแล้ว แต่ผมไม่คิดจะปัดมันแม้แต่น้อย แผ่นหินอ่อนเล็กๆ ถูกสลักวางอยู่หน้าเจดีย์ มีตัวอักษรสีทองเลือนลาง นั่นไง ชื่อผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ใต้ชื่อพ่อและแม่ของผม มีวันเดือนปีที่ระบุวันเกิด และวันตายของท่านทั้งสองคน
ไอ้ต้าจุดธูปให้ผม แล้วมันก็นั่งลงข้างๆ ผมพยายามกลั้นน้ำตา เป็นครั้งแรกในรอบสิบห้าปีที่ผมได้มีโอกาสกลับมานั่งคุกเข่าตรงหน้าผู้มีพระคุณ พ่อกับแม่เป็นคู่รักที่น่าสงสาร ทั้งสองคนมีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันน้อยเหลือเกิน ได้มีโอกาสชื่นชมลูกชายคนนี้น้อยเช่นกัน ผมเอื้อมมือไปลูบฝุ่นที่ติดหน้ารูปพ่อและแม่เบาๆ เศษใบไม้ที่ตกอยู่ด้านหน้าปลิวออก ข้อความภาษาจีนประโยคหนึ่งที่ถูกใบไม้บังอยู่เมื่อกี้เลยปรากฏขึ้น
"ฉันรักเธอเพียงคนเดียวชั่วชีวิต"
ผมกับไอ้ต้าหันมองหน้ากันโดยไม่ตั้งใจ ข้อความเดียวกันกับที่พ่อแม่ผมเคยบอกกันนั้นก็เป็นข้อความเดียวกับที่ผมกับไอ้ต้าเคยบอกกัน ผมไม่รู้ว่าผมเคยเห็นหรือเคยได้ยินข้อความนี้มาก่อนหรือเปล่า แต่ครั้งแรกที่พูด เพราะผมชอบ และเหมือนจิตใต้สำนึกบอกให้ผมพูดคำนี้ออกมา ใจผมเต้นแรงขึ้นทุกที พ่อกับแม่ที่จ้องอยู่ เหมือนจะยิ้มให้ผมกับไอ้ต้าที่นั่งคุกเข่าตรงหน้า ผมพนมมือตั้งใจแล้วพูดเสียงดัง
"แม่ครับ พ่อครับ วันนี้ต้นได้มีโอกาสมากราบพ่อกับแม่ในวันที่ดีที่สุดในชีวิตต้น พ่อกับแม่จำได้ใช่ไหมครับว่าวันนี้เป็นวันเกิดต้น ต้นขอโทษนะครับที่สิบห้าปีที่ผ่านมาต้นไม่ได้มาหาพ่อกับแม่เลย" ผมเงียบเสียงลง ลูกสะอื้นมันขึ้นมาพอดี น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม
"ต้นดีใจนะครับที่วันนี้ได้มีโอกาสมากราบพ่อกับแม่อีกหน ตอนนี้ต้นอายุครบยี่สิบปีแล้วนะครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงต้นนะครับ พ่อเต็งเขาดูแลต้นดีมากเลยครับ เขารักต้นเหมือนลูกคนนึง พ่อกับแม่สบายใจได้เลยครับ"
"นอกจากพ่อเต็งแล้ว ต้นยังมีพี่ชายอีกสองคน พี่โตลูกพ่อเต็งไงครับ พ่อกับแม่จำได้ใช่ไหม ส่วนพี่อีกคนนึงแม่ต้องจำได้แน่ๆ เพราะแม่สั่งให้ผมกับพี่คนนั้นรักกันมากๆ" ผมพูดเสียงสั่นเครือ ภาพสุดท้ายของแม่ที่เป็นฝันร้ายของผมปรากฏขึ้นในใจอีกครั้ง
"แม่ครับพ่อครับ ต้นมีเรื่องอยากจะบอก พ่อกับแม่อย่าโกรธต้นนะ ต้นกับพี่ต้ารักกัน แต่ตอนนี้เราไม่ได้เป็นแค่พี่น้องกันแล้ว ต้นรู้ว่าถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ก็คงจะเสียใจที่รู้ว่าต้นเป็นแบบนี้ ต้นไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ต้นรู้แต่เพียงว่าต้นรักพี่ต้ามาก มากเหมือนที่พ่อกับแม่รักกัน" ผมหยุดสะอื้น น้ำตาไหลพรั่งพรูจนมองไม่เห็นอะไร ไอ้ต้ามันเข้ามาประคองไว้
"พ่อครับแม่ครับ ถึงพ่อกับแม่จะโกรธหรือไม่พอใจ แต่ต้นอยากให้พ่อกับแม่รู้ไว้ ว่าต้นมีความสุขมากนะครับที่มีพี่ต้าอยู่ข้างๆ ต้นอาจจะทำในสิ่งที่ผิดหรือไม่เหมาะสม แต่ต้นมีความสุขมากจริงๆ ต้นขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นนะครับ แต่ถึงจะย้อนเวลากลับไปได้ ต้นก็ขอให้พี่ต้ากับต้นรักกันแบบวันนี้ ต้นไม่ขอเปลี่ยนอะไร เพราะต้นไม่เสียใจเลยครับที่ได้รักผู้ชายคนนี้"
ผมพูดอะไรไม่ออกอีก ไอ้ต้ามันกอดผมไว้ในอ้อมแขน เสียงไอ้ต้าพูดเสียงสั่นเครือ "ผมสัญญานะครับว่าจะดูแลต้นให้ดีที่สุด รักต้นให้มากที่สุด ทำให้ต้นมีความสุขที่สุด ไม่ต้องห่วงเราสองคนนะครับ คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้ ผมจะไม่มีวันรักคนอื่นได้อีกนอกจากต้น" ไอ้ต้าพูดจบแล้ว แต่ยังคงกอดผมไว้ในอ้อมแขน ผมจ้องรูปพ่อและแม่ที่ยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเดิม สายลมเอื่อยๆ พัดใบไม้ปลิว ดอกตาเบบูญ่าหรือชมพูพันธ์ทิพย์สีชมพูหวานปลิวตามลมกระจายเต็มลานรอบตัวผมกับไอ้ต้า ภาพสุดท้ายในชีวิตของพ่อและแม่ผมปรากฏขึ้นอีกครั้ง เสียงของแม่ดังก้องในความทรงจำ
"กลัวเหรอลูก ต้าแม่ฝากดูน้องด้วยนะ"

**************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น